ท่ามกลางมุมมองนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ส่วนใหญ่ที่ประเมินว่า แนวโน้มตลาดหุ้นระยะสั้น จะกลับสู่ความซบเซา ดัชนีหุ้นแก่วงตัวขึ้นลงในกรอบแคบ ๆ แถว 1200 จุด เพราะขาดปัจจัยชี้นำ
แต่บรรยากาศการซื้อขายหุ้นเมื่อวันพุธที่ 7 พฤษภาคมที่ผ่านมากลับคึกคักเหนือความคาดหมาย แม้ไม่มีข่าวดีสนับสนุน ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลง โดยหุ้นขนาดใหญ่พุ่งทะยานอย่างร้อนแรง กระดานหุ้นเขียวขจี ผลักดันให้ดัชนี ฯ พุ่งขึ้นปิดที่ระดับ 1220.27 จุด เพิ่มขึ้น 32.41จุด หรือเพิ่มขึ้น 2.73% มูลค่าซื้อขายทั้งสิ้น 53,984.70 ล้านบาท
หุ้นฟื้นคืนสู่ความคึกคักเต็มรูปแบบ ดัชนี ฯ สร้างจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 10 สัปดาห์ นับจากวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2568 เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติ แห่กลับเข้ามาซื้อหุ้น โดยมียอดซื้อสุทธิ 4,523.97 ล้านบาท และเป็นยอดซื้อหุ้นสุทธิที่สูงสุดในรอบ 11 สัปดาห์
เมื่อต้นสัปดาห์เพิ่งมีรายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ระบุถึงต่างชาตินำเงินเข้าพักมีการซื้อสะสมสัญญาซื้อขายล่วงหน้า 1.06 แสนสัญญา และสะสมตราสารหนี้ 68,000 ล้านบาท
นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ ฯ กล่าวว่า เริ่มเห็นเงินทุนต่างชาติออกจากหุ้นไทยน้อยลง และมีสัญญาณสนใจหุ้นไทยมากขึ้น ขณะที่มูลค่าของบริษัทจดทะเบียนเริ่มน่าสนใจมากขึ้น โดยอัตราการจ่ายเงินปันผลเติบโตขึ้นตลอด 10 ปีที่ผ่านมา
สัปดาห์นี้ ค่าเงินบาทแข็งขึ้นอย่างรวดเร็ว หลุด 33 บาทไปอยู่ที่ 32.88 บาทต่อดอลลาร์ สอดคล้องกับรายงานของตลาดหลักทรัพย์ที่ระบุว่า ต่างชาตินำเงินเข้ามาพัก และเริ่มเก็บตราสารหนี้ ก่อนโยกเข้ามาในตลาดหุ้น ไล่เคาะซื้อหุ้นฝุ่นตลบ พลิกฟื้นบรรยากาศการซื้อขายหุ้นที่กำลังซบเซาเงียบเหงา กลับสู่ความคึกคักเต็มรูปแบบ
ดัชนี ฯ สร้างจุดสูงสุดใหม่ของรอบแล้ว และมีโอกาสที่ที่จะไปต่อ จนฝ่าด่านที่สี่ในรอบนี้ ถ้าสามารถทะลุขึ้นไปยืนที่ระดับ 1250 จุดได้ ซึ่งจะตีฝ่าแนวต้าน 1250 จุดได้หรือไม่ คำตอบอยู่ที่นักลงทุนต่างชาติเพียงประการเดียว
ถ้าเงินที่ขนเข้ามาพักไว้ในประเทศไทย เบนเข็มเข้ามาในตลาดหุ้น ซื้อหุ้นต่อเนื่อง โอกาสที่ดัชนี ฯ หุ้นจะวิ่งฉิวเหมือนวันพุธที่ผ่านมาก็มีความเป็นไปได้ และวิ่งจนทะลุ 1250 จุดในรอบนี้
แนวโน้มเศรษฐกิจแบละตลาดหุ้นไทย ในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ ไม่สดใสนักในสายตาของนักลงทุนต่างชาติ แนวโน้มการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือ GDP ถูกหั่นลงจนเหลือโตเพียง 1% กว่า หรือบางสำนักวิจัยมองแง่ร้ายถึงขั้น GDP ติดลบ
การเจราจาต่อรองลดภาษีการค้ากับสหรัฐ ประเทศไทยยังไม่ถูกจัด ”คิว” ให้เจรจา ทั้งที่หลายประเทศได้เข้าเจรจาต่อรองผ่อนปรนภาษีไปแล้ว ทำให้เกิดความกังวลใจว่า ไทยอาจไม่ประสบความสำเร็จในการเจรจาต่อรองลดภาษีสินค้าน้ำเข้าไปสหรัฐ ซึ่งจะทำให้การส่งออกถูกกระทบหนักหน่วง
ตลาดหุ้นถูกมองว่า ในระยะสั้นคงขยับไปไหนไม่ได้ไกล เพราะไม่มีข่าวดีที่รอคอย และต่างชาติไม่มีสัญญาณกลับมาซื้อ ตั้งแต่ต้นปียังขายตลอด มียอดขายหุ้นสะสมสุทธิกว่า 5 หมื่นล้านบาท
แต่วันดีคืนดี เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ต่างชาติยกทัพใหญ่ เข้ามาไล่ซื้อหุ้นขนาดใหญ่ จนเขียวขจียกแผง และซื้ออย่างมีนัยสำคัญ ปลุกให้นักลงทุนกลับมีความคาดหวังกันอีกครั้ง
เป้าหมาย 1250 จุดอยู่ไม่ไกลแล้ว ถ้ารอบนี้ต่างชาติเอาจริง กลับมาจริง ไล่ซื้อหุ้นคืน หุ้นไปต่อแน่ ๆ
ต้องเฝ้าดูปรากฏการณ์การกลับมาของฝรั่งอย่างใกล้ชิด ชนิดตาไม่กระพริบ เพราะจะเป็นตัวช่วยเดียวที่จะพลิกฟื้นให้ตลาดหุ้นคืนสู่ความสดใส
ตลาดหุ้นมีเรื่องนอกเหนือความคาดหวังเกิดขึ้นได้เสมอ บางครั้งในสถานการณ์ที่กำลังร่อแร่ นักลงทุนท้อแท้ บรรยากาศการซื้อขายซึมเศร้า
อาจมีข่าวดีที่ปลุกตลาดหุ้นให้คึกคักสุดขีดได้ในชั่วข้ามคืน
นักลงทุนที่ท้อแท้สิ้นหวัง กำลังถูกจัดประกายความหวังไหม้ เมื่อเห็นการกรีฑาทัพของต่างชาติ ขนเงินไล่ซื้อหุ้นกว่า 4.5 พันล้านบาท
ถ้าฝรั่งไม่หลอก ขนเงินกลับมาจริง ไล่ซื้อหุ้นไม่เลิก เป้าหมาย1250 จุดอาจจะน้อยไปสำหรับรอบนี้
