xs
xsm
sm
md
lg

“อุ๊งอิ๊งค์” เข้าใกล้ รัฐล้มเหลวเข้าไปทุกที !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


แพทองธาร ชินวัตร
เมืองไทย 360 องศา

แม้ว่าไม่อยากมองในแง่ลบ แต่เมื่อเฝ้ามองการทำงานของรัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แล้วบอกได้คำเดียวว่า น่าเป็นห่วงมาก เพราะแทบมองไม่เห็นความหวังในทางบวกสักเรื่องเดียว

หากพิจารณาจากสองเรื่องหลัก คือ เรื่อง“เศรษฐกิจ” และ “ความมั่นคง” ทั้งในปัจจุบัน และมองไปข้างหน้า ล้วนน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง และทั้งสองเรื่องดังกล่าว ล้วนต้องเชื่อมโยงไปถึงปัญหาเรื่องอื่น ทั้งสังคม และเรื่องปากท้องความเป็นอยู่ของชาวบ้านทั่วไป

เริ่มจากเรื่องเศรษฐกิจก่อน ที่แม้ว่าหากไม่เจอกับ “สงครามภาษี” จากประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา ไทยก็เริ่มเข้าสู่ปัญหาที่หนักหน่วงอยู่แล้ว จากปัญหาหนี้สาธารณะที่กำลังชนเพดาน ร้อยละ 70 สิ่งที่สะท้อนให้เห็นชัดเจนในเรื่องนี้ ชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลไม่มีเงิน ก็คือโครงการ “แจกเงินหมื่นดิจิทัล” ที่ลดขนาดลงมาเรื่อยๆ จนล่าสุดต้องเลื่อนแจกให้กับกลุ่มวัยรุ่น ที่มีอายุตั้งแต่ 16-20 ปี ออกไปอย่างไม่มีกำหนด

แน่นอนว่า รัฐบาลย่อมมีความจำเป็นต้องสำรองเงินหรือ “กระสุน” เอาไว้ทุกเม็ดในยามที่ต้องเจอกับสงครามเศรษฐกิจอันหนักหน่วงรออยู่ข้างหน้า แต่การที่ต้อง “เลื่อนแจก” ไม่ว่าจะอ้างเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ เช่น กำลังรอฟังความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ความหมายที่พอเดาออกในตอนนี้ก็คือ รัฐบาลไม่มีเงิน เพราะหากสามารถเดินหน้าต่อได้ รัฐบาลก็ต้องแจกอยู่แล้ว เพราะนี่ไม่ต่างจากการ “ตกเขียว” หาเสียงล่วงหน้า กับกลุ่มวันรุ่น ที่มีอายุตั้งแต่16 ปี อีกสองปีข้างหน้า ก็สามารถไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งได้แล้ว

ผลงานการบริหารด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลภายใต้การนำของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร สร้างปัญหารุนแรงขึ้นเรื่อยๆ มีปัญหา“ปากท้อง” ข้าวของราคาแพง ขณะที่ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำทุกตัว ล่าสุดเวลานี้ไม่ว่าจะเป็น พริก แตงโม มะม่วง เป็นต้น ไม่ต้องพูดถึงเรื่องข้าว มันสำปะหลัง

ดังนั้น เมื่อต้องมาเจอกับมรสุมทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่กรณี “สงครามการค้า” ที่เราควบคุมได้ยาก ยิ่งทำให้น่าเป็นห่วงหลายเท่าตัว แม้ว่ารัฐบาล โดยเฉพาะ ทั้งนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีคลัง รวมไปถึงรัฐมนตรีพยายามย้ำให้เห็นว่า “เกิดผลกระทบทั้งโลก” ก็ตาม แต่สำหรับประเทศไทยแล้วมีปัญหาก็คือ ความพร้อมในการรับมือ หรือว่า “หน้าตัก” เรามีมากพอแค่ไหน และที่สำคัญ “ความเชื่อมั่น” ต่อตัวผู้นำรัฐบาล คือน.ส.แพทองธาร ชินวัตร ว่าเธอสามารถรับมือได้แค่ไหน มีใครเชื่อมั่นได้หรือไม่

ก่อนหน้านี้ มีหลายหน่วยงานที่ประเมินการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทยในปีนี้ ทั้งกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ธนาคารโลก รวมไปถึงหน่วยงานด้านการวิจัยของหลายธนาคารในประเทศต่างประเมิน ชี้ในทิศทางเดียวกันว่า เราน่าจะโตไม่ถึงร้อยละ 2 และในปีหน้าจะแย่ลงไปกว่านี้อีก และสิ่งที่เป็นตัวชี้วัดจนมองเห็นแนวโน้มชัดเจนก็คือ การท่องเที่ยวและการส่งออก ที่เริ่มมีผลกระทบแล้ว โดยเฉพาะตัวเลขของนักท่องเที่ยวที่ลดลงชัดเจน ขณะที่การส่งออกที่ยังไม่มีตัวเลขแน่นอน เพราะเรายังไม่รู้ว่าผลการเจรจากับทางสหรัฐ จะออกมาแบบไหน แต่เชื่อว่าน่าจะ “หนัก” เอาการ

เพราะอย่างที่รับรู้กันก็คือ การท่องเที่ยวและการส่งออกถือว่าเป็นเครื่องยนต์หลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของเรามานานหลายปีแล้ว หากทั้งสองตัวนี้มีปัญหา ก็ย่อมส่งผลกระทบตามมาเป็นลูกโซ่แน่นอน

เรื่องต่อมาก็คือ ปัญหาความมั่นคง ที่เวลานี้กลายเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงที่ในรอบหลายปีไม่เคยเป็นแบบนี้ ทั้งความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน บทบาทของประเทศไทยในเวทีนานาชาติที่ถดถอยลง และที่น่าเป็นห่วงในเวลานี้ก็คือ ปัญหาความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ที่เกิดเหตความรุนแรงสร้างความเสียหายอย่างน่าตกใจ อีกด้านหนึ่งกลายเป็นว่ากำลัง “ยกระดับกลุ่มโจร” อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ล่าสุด เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม สำนักจุฬาราชมนตรี ออกแถลงการณ์ กรณีเหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ระบุว่า เหตุการณ์ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้อันนำไปสู่การฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์อย่างโหดเหี้ยมในช่วงเวลาที่ผ่านมา เป็นเหตุการณ์ที่นำมาซึ่งความเศร้าสลดแก่ประชาชนชาวไทยอีกครั้งหนึ่ง ด้วยคนร้ายได้กระทำต่อผู้อ่อนแอ ผู้พิการ คนชรา ผู้หญิง นักเรียนศาสนา และเณร ซึ่งกลุ่มบุคลดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้นกับความขัดแย้ง และกลุ่มผู้อ่อนแอเหล่านี้จะต้องได้รับการปกป้องในทุกกรณีจากเหตุการณ์ความรุนแรงในทุกรูปแบบ

สำนักจุฬาราชมนตรี ขอประณามการกระทำดังกล่าวอย่างถึงที่สุดและขอประกาศด้วยถ้อยคำที่ชัดเจนที่สุดว่า ไม่มีเหตุผล ข้ออ้างใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าข้ออ้างทางการเมือง ชาติพันธุ์ ศาสนา หรือประวัติศาสตร์ในการก่ออาชญากรรมอันโหดเหี้ยมเช่นนี้

ในบริบทของพื้นที่ซึ่งมุสลิมผู้นับถือศาสนาอิสลามเป็นชนกลุ่มใหญ่ การฆ่าชีวิตนอกจากจะผิดกฎหมายบ้านเมืองและต้องได้รับโทษทางอาญาขั้นสูงสุดแล้ว ยังถือเป็นความผิดทางศาสนาอย่างร้ายแรง ด้วยพระองค์อัลเลาะห์(ซ.บ.) ได้ตรัสไว้ในบทอัลอิสรออ์ โองการที่ ๓๓ ความว่า " พวกเจ้าอย่าฆ่าชีวิตซึ่งอัลเลาะห์ทรงตราห้ามไว้ นอกจากโดยมีสิทธิอันชอบธรรม "

สำนักจุฬาราชมนตรี ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ่งต่อครอบครัว ญาติพี่น้องของผู้บาดเจ็บ ผู้สูญเสีย และขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมายโดยเร็ว และขอให้ประชาชนช่วยกันดูแลสอดส่องความผิดปกติและเป็นหูเป็นตาให้แก่เจ้าหน้าที่เพื่อสร้างมาตรการคุ้มครองควาปลอดภัยให้กับทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน

ขอเรียกร้องให้ยุติความรุนแรงในทุกรูปแบบ และใช้สันติวิธีในการแก้ปัญหาอันเรื้อรังนี้ ด้วยเจตจำนงอันแน่วแน่ และความหวังอันเต็มเปี่ยม เพื่อสังคมไทยได้เดินต่อไปข้างหน้า และส่งผ่านอนาคตที่ดีให้แก่คนรุ่นต่อไป

ทั้งสองกรณีดังกล่าว นั่นคือ ทั้งปัญหาเศรษฐกิจ และความมั่นคง ที่กำลังเป็นสองเรื่องหลักที่ชักนำไปสู่ปัญหาอื่นตามมาเป็นลูกโซ่ หากรัฐบาลไม่สามารถกอบกู้กลับคืนมาได้ มั่นก็เสี่ยงต่อการที่จะกลายเป็น “รัฐล้มเหลว” เข้าไปทุกทีแล้ว และที่สำคัญต้องเรียกคืนความเป็น “ภาวะผู้นำ” ของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ให้กลับมาโดยเร็ว ขณะเดียวกันในทางตรงกันข้ามหากสถานการณ์ยังเป็นอยู่แบบนี้ต่อไป ก็น่าเชื่อว่าอีกไม่นานจะต้องเจอกับแรงกดดันให้ต้องแสดงความรับผิดชอบอย่างใดอย่างหนึ่งออกมาแน่นอน !!


กำลังโหลดความคิดเห็น
OSZAR »