แพทยสภามีมติลงโทษแพทย์ 3 รายเอื้อ “ทักษิณ” นอนชั้น 14 เป็นการ พักใช้ใบอนุญาต 2 ราย ฐานให้ข้อมูลไม่ตรงความจริง เพราะไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนว่าป่วยวิกฤตตามที่แถลง อีก 1 รายว่ากล่าวตักเตือน ฐานประกอบวิชาชีพไม่ได้มาตรฐานเกี่ยวกับการออกใบส่งตัว โดยต้องส่งมติไปขอความเห็นชอบจาก รมว.สธ.อีกครั้ง
วันนี้ (8 พ.ค.) เมื่อเวลา 15.45 น. ที่อาคารมหิตลาธิเบศร กระทรวงสาธารณสุข ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภาคนที่ 1 แถลงภายหลังจากทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมคณะกรรมการแพทยสภาชุดใหญ่ ประจำเดือนพฤษภาคม ซึ่งมีวาระสำคัญ คือการนำเสนอผลสรุปการสอบสวนจริยธรรมแพทย์ที่ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการกลั่นกรองของแพทยสภา กรณีการพักรักษาตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ
ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์แถลงว่า วันนี้มีการประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 5/2568 ประจําเดือนพฤษภาคม มีวาระสําคัญคือการพิจารณาคดีจริยธรรมของแพทย์ที่เป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของประชาชนในกรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตํารวจ ผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการแพทยสภาได้มีมติลงโทษแพทย์ 3 คน เป็นการประกาศตักเตือน 1 คน ในกรณีประกอบวิชาชีพเวชกรรมที่ไม่ได้มาตรฐาน มีการพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม 2 คน ในกรณีให้ข้อมูลและเอกสารทางการแพทย์อันไม่ตรงกับความเป็นจริง
แพทยสภาเสร็จจากการประชุมวันนี้มีหน้าที่จะต้องนําเสนอมติต่อสภานายกฯ พิเศษ คือท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพื่อขอความเห็นชอบ ก่อนที่จะดําเนินการตามมติ ฉะนั้นวันนี้เป็นมติของที่ประชุม แต่การดําเนินการทั้งหลาย เราจะต้องรอความเห็นจากท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งอันนี้เป็นขั้นตอนตามพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม 2525 ต่อไป
“1 ท่านที่เราว่ากล่าวตักเตือน เพราะความผิดอันนั้นไม่ได้รุนแรงมากนัก คือการประกอบวิชาชีพเวชกรรมที่ไม่ได้มาตรฐานเกี่ยวกับการออกใบส่งตัว แต่ว่า 2 ท่านที่ถูกพักใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมนั้น เป็นเรื่องของการให้ข้อมูลในเอกสารทางการแพทย์ที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง”
“ขณะนี้ข้อมูลที่เราได้รับไม่ได้มีหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ชัดเจนว่ามีภาวะวิกฤตเกิดขึ้น ผมให้ข้อมูลได้แค่นี้ตอนนี้นะครับ แต่ว่าทั้งหมดเป็นเหตุแห่งการที่เรากําหนดต้องมีการลงโทษ การพักใช้ใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมถือเป็นการลงโทษรุนแรงกับแพทย์ทุกท่านอยู่แล้ว ฉะนั้นเราถือว่าเป็นความผิดที่รุนแรง
“ด้วยข้อมูลหลักฐานทั้งหลายที่เราได้รับ มันไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ชัดเจนว่ามีภาวะวิกฤตตามที่ท่านไปแถลงข่าว เพราะฉะนั้นก็อยู่ที่ตีความ
“วันนี้ทําไมเราไม่สามารถบอกได้ว่าพักใช้นานเท่าไหร่ เพราะว่าการพักใช้นานเท่าไหร่จะต้องผ่านความเห็นชอบของรัฐมนตรีก่อน แล้วถ้าวันนี้เราให้ข้อมูลไปแล้วเกิดไม่ตรงกับท่านรัฐมนตรี เพราะอย่าลืมนะฮะ จําได้นะฮะ และที่แถลงข่าวว่าทั้งหมด 7 ขั้นตอน ขั้นตอนสุดท้ายขั้นตอนที่ 7 เราจะต้องส่งมติแพทยสภาไปให้ท่านรัฐมนตรีและท่านรัฐมนตรีเห็นชอบก็ไปตามนั้นเลย แต่ถ้าไม่เห็นชอบเรื่องจะกลับมาที่แพทยสภาเสร็จอีกครั้งจนได้ข้อสรุปแล้วถึงจะออก ถึงตอนนั้นจะมีการแถลงข่าวให้ทราบว่าจะมีการพักใช้ระยะเวลานานเท่าไหร่นะครับ
“เอกสารทั้งหมดที่เราได้รับ ผมใช้คําว่าเอกสารที่เราได้รับ เราอาจจะได้รับไม่หมด แต่ที่เราได้รับทั้งหมด ข้อมูลมันเป็นแบบนั้นครับ
แพทยสภายึดความถูกต้อง ยึดหลักฐานต่างๆ เราไม่ได้อิงกับปัจจัยภายนอก ถ้าว่าไปแล้วไม่ได้สนใจด้วยซ้ำเรื่องของเคสนี้คือใครนะ ไม่งั้นอีกหน่อยเราจะมีประเด็น งั้นข้อมูลที่มีอย่างนี้เราสรุปแบบนี้ แล้วผมก็ตอบคําถามให้แล้ว เพียงแต่ให้รู้ว่าโดย พ.ร.บ.2525 เรามีมติอย่างไรมันยังไม่สิ้นสุด คําสั่งยังไม่ออก ออกไม่ได้ จนกว่ารัฐมนตรีเห็นชอบ เพราะฉะนั้นเราไปดูกันอีกครั้งหนึ่งนะครับ หลังจากที่ทั้งหมดเสร็จเรียบร้อย
ผมคิดว่าแพทยสภามีศักดิ์ศรี แพทย์ทุกคนมีศักดิ์และศรีของตนเอง ในการที่จะดําเนินการในสิ่งที่ถูกต้องและชอบธรรมให้กับสังคม ผมขอจบแค่นี้นะครับ” ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์กล่าว